วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ระบบแผนการตลาดแบบหลายชนั้ (MLM) หรือการตลาดแบบเครือข่าย


1. Stair Step - ระบบผลต่างขั้นบันได
2. Stair Step - Brake Away ระบบแยกคะแนนออกจากกลุ่ม
3. Matrix – ขยายแนวกว้างเพื่อให้ได้ผลประโยชน์แนวลึก
4. Uni-Level – มองแต่ละชั้นเป็นหนึ่งหน่วย
5. Binary และ Trinary – แผนจับคู่
6. Party Plan – แผนลูกผสม
7. Dual Linear - ไบนารี่แบบ weak team, strong team
หรืออาจมีมากกว่านี้ ที่ยังไม่มีข้อมูล

แผน ดูอัลไลเนียร์ : Dual linear เอมสตาร์
แผน Binary ไบนารี่ ที่วิเคราะห์กันว่าอยู่กันไม่นาน เรามาดูกันว่าเพราะอะไรมันถึงอยู่ไม่นาน มีดังนี้
ในที่นี้อยากจะเปรียบเทียบ Binary กับ Dual Linear ของเอมสตาร์ดู เพราะบางท่านยังเข้าใจ ผิดว่ามันเหมือนกันอยู่ ไบนารี่ Binary ชื่อก็บอกแล้ว ครับ ว่าทำ 2 สายงาน
แผนแบบนี้ มันเป็นการพัฒนาให้ทำงานชั้นลึกได้ง่าย เริ่มต้น เร็ว แต่สาเหตุจากความ
ที่มันง่ายนั้น จึงมีการปรับปรุงแผนไปเรื่อย จนเป็นการเอาใจคนทำเครือข่ายมากเกินไป ทำให้องค์กรแตกได้ในระยะไม่นานนัก 
สาเหตุแรกคือ
1. บังคับซื้อ
    ของพร้อมเปิดรหัส (เหมือนการจัดยาชุดสดในร้านขายยา)
แบบนี้มักทำให้เกิดการบังคับซื้อของทำให้คะแนะนำได้เงินเร็ว แต่คนที่สมัครน่าจะเกิดการเร่งรัดในตัวเองว่า ต้องรีบหาเงินมาซื้อของ ทำให้ผู้สมัคร รู้สึกว่าธุรกิจไม่ค่อยโปร่งใส
2. ไม่ต้องรักษายอด
    ซื้อครั้งเดียวจบ แต่บริษัทต้องจ่ายเงินให้ตลอดชีวิต แค่นี้ก็ฟังดูตลกแล้ว ครับ
ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัท ในแนวทางแบบนี้มันยุติธรรมกับเรารึเปล่าครับ
อีกอย่าง ด้วยตัวแผนแบบนี้จะทำให้มียอดเกิดจากคนใหม่เท่านั้น คนเก่าๆต้องวิ่งหาไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้ซักที บางบริษัทอาจจะบอกว่าถ้า ไม่รักษายอดจะได้ร้ายไดจากแผนนี้ แผนนี้ แต่ถ้า
รักษายอด จะไดรายได้เพิ่มอีก 2ทาง 3ทางก็ว่ากันไป ซึ่งการตั้งเงื่อนไขแบบนี้ คนส่วน มากก็จะไม่รักษายอดครับ (ผมก็เคยมาก่อน) แล้วรายได้จากอีกแผนมันจะส่งถึงคนข้างบนได้ ยังไง และการรักษายอดที่ว่านั้น ก็ไม่ทำให้เกิดคะแนนจากจุดเดิมเพื่อที่จะมาจับคู่ ซึ่งเป็นรายได้หลัก ดังนั้น จะรักษายอดหรือไม่ ก็ไม่ต่างกันครับ รายได้ไม่เกิดจากคนเก่าอยู่ดี
3. ทำหลายรหัส
    ด้วยความที่ ไม่ต้องรักษายอดนั่นล่ะ ทำให้ต้องมีการป้องกันการลดน้อยลงของรายได้คนเก่าๆ
เช่น ถ้าเดือนแรกมีคนสมัคร 100 คนคนละ 1รหัส คนข้างบนจะได้เงินหลักแสน แต่ถ้าเดือนต่อมา
คนสมัครน้อยลงล่ะเหลือ 80 รหัสแบบนี้ คนข้างบนจะมีรายได้หลักแสนเหมือนเดิมหรือไม่แสดง
ว่ารายได้จะเป็นแบบฟันปลาซะมากกว่า เมื่อรายไดขึ้นๆ ลงๆ แม่ทีมก็จะย้ายบริษัทไปทำตัวใหม่
ดังนั้นจึงตั้งเงื่อนไขให้สมัครได้หลายรหัส เพื่อจะเป็นการชดเชยคนที่สมัครน้อยลงในเดือนถัดไป
เช่นสมัครได้ 4 รหัส (ทำเพิ่มได้เป็น 3 สายงาน) 7 รหัส (ทำได้ 4 สายงาน) 21รหัส
(ทำได้ 8 สายงาน) ฯลฯ
** ไบนารี่ ชื่อก็บอกว่า 2, ดันไปทำมากกว่า 2 แล้วมักจะเรียกว่าไบนารี่ทำไมกัน **
โดยจะเขียนแผนให้คนรู้สึกว่าตัวเองจะสูญเสียครับ คนถึงจะสมัครหลายรหัส
เช่น สมัคร 1 รหัส จะมีรายได้ไม่เกิน ต่อเดือน ถ้าสมัคร 4 รหัส จะมีรายได้แบบนี้ 7 รหัส จะมีรายได้เพิ่มเท่านั้นเท่านี้
คนส่วนมากกลัวว่าตัวเองจะมักน้อย ก็มักสมัครทีละหลายรหัสล่ะครับ

ผลก็คือ ทำให้มีของกองอยู่กับตัวมาก แต่ก็เป็นผลดีกับแม่ทีม เพราะว่า ถ้าเดือนนี้คนสมัคร 50 คน คนละ 7 รหัส ก็มีค่าพอๆ กับ คนสมัคร 350คน คนละ 1รหัส ทำให้รายได้เค้าไม่ร่วงลงแน่นอน ดังนั้น เค้าจึงเน้น ให้สมัครหลายๆ รหัส แต่ข้อเสียก็คือ คนส่วนมากจะสมัครซื้อของ ที่มี PV สูง ๆ
เพื่อจะเซฟเงินตัวเองให้มาก เมื่อมีคนทำหลายคน ก็มักจะซื้อของเหมือนๆ กันผลก็คือ ไม่นานหรอกครับของจะเต็มเมือง เพราะธรรมชาติคนเมื่อลงเงินไปแล้วก็จะเอาของไปขายเอา ทุนคืน เมื่อมีขายมาก ก็จะเริ่มมีการตัดราคากันเกิดขึ้น คนเหล่านี้ไม่สนหรอกครับ เพราะเค้าได้จากในระบบอยู่แล้ว
เมื่อมีของขายข้างนอกมากๆ ราคาถูกกว่าสมาชิก คนใหม่ ๆ จะรู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงแน่นอนถ้าจะสมัคร เพราะสมัครแล้วไม่รู้จะเอาของไปขายใคร คนส่วนมากสามารถหาซื้อตามร้านค้าได้ เมื่อนั้นคนสมัครก็จะน้อย คราวนี้แม่ทีมจะเล่นแร่แปรธาตุแบบไหน ยอดก็ร่วงไปแล้ว ครับ
ไม่นานเค้าก็จะพากันไปหาบริษัทใหม่ แล้วก็โทษว่าสินค้ามีปัญหา
4. ซื้อตำแหน่งได้
    แบบนี้ก็พัฒนาทีหลังครับ เริ่มใช้ คะแนนในการจับคู่ การซื้อตำแหน่งได้เป็นการเอาใจคน
ที่ทำแผนสแตรสเต็ป ที่ขึ้นตำแหน่งกันยากๆ ทำให้ใครก็ขึ้นตำแหน่งสูงสุดได้ถ้ามีเงินใช้หลัก
การเดียวกันกับการทำหลายรหัส คือ จะทำยังไง ให้คนซื้อตำแหน่งขึ้นไวๆ โดยใชเงื่อนไข้ข้อจำกัดในการรับรายได้
เช่น ถ้าตำแหน่งซิลเวอร์ ใช้เงินลงทุนหลักพัน จะไดไม่เกินวันละ... และได้ค่าแนะนำ 10% แมทชิ่งไม่เกิน10% 1ชั้น
แต่ถ้าเป็นตำแหน่ง ไดมอนด์ ใชเงินประมาณ 2-3 หมื่น จะได้สูงสุดวันละ.... และได้ค่า แนะนำ 20% แมทชิ่ง 20% 4ชั้น เป็นต้น
แต่ก็เหมือนข้อ 3 ล่ะครับ เมื่อคนมาซื้อตำแหน่งแบบนี้ ก็เท่ากับ การซื้อของในปริมาณมาก
คนส่วนน้อยครับที่เอาของไปหมุน แนะนำคนต่อไปเรื่อย เพราะคนส่วนมากจะเอาไปขายครับ
ผลของมันก็จะเหมือนข้อ 3 ยิ่งสินค้ามีคนนิยม มีคนทำมากก็จะเริ่มตัดราคา และทำให้คนใหม่รู้สึกว่าเสี่ยงมาก ถ้าจะเอาเงินไปลงมาก ๆ แบบนั้น แล้วเค้าจะไปขายที่ไหน
ส่วนการสะสมขึ้นตำแหน่ง ก็เป็นการปรับให้คนทำง่ายขึ้น เริ่มต้นน้อยๆ แต่ก็จะเริ่มยากสำหรับ
คนใหม่แน่ เพราะถ้าคนทำเยอะ ของวางขายเยอะ แล้วเค้าจะไปขายใครล่ะ? ต่อให้ซื้อใช้เอง
ก็จะทำให้เค้าขึ้นตำแหน่งช้า สูญเสียผลประโยชน์แน่นอน
ผลประโยชน์ที่ว่านั้นคือ การล้างคะแนนที่เกินออกมาเพราะไบนารี่ จ่ายเงินเร็วเกินไป ทำให้ ตอ้งมีการล้างรอบ ไม่งั้นจ่ายไม่ไหวแน่
นิสัยคนกลัวการสูญเสียครับ ย่อมเร่งอัพตำแหน่งตัวเองให้เร็วที่สุด
5. ให้สมาชิก เปิดโมบาย
    บริษัทขายตรงยุคใหม่ๆ มักเปิดกันถี่มากๆ ส่วนมากก็จะเป็นประเภทแม่ทีมจากบริษัทอื่นๆ มาหุ้นกัน เปิดบริษัททำเอง (คนรู้จักผมก็เปิด)
ส่วนมากมักจะกูเงินธนาคารมาแล้วต้องการทำเงินให้เร็วที่สุด จึงเลือกแผนการตลาดแบบไบนารี (จดทะเบียนไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นไตรนารี)
ดังนั้น การที่จะให้ธุรกิจตัวเองกระจายตัวเร็วที่สุด จะได้เงินกลับมาไวๆ ถ้าตัวเองจะเอาเงินไป
ทุ่มสร้างสาขาตามแต่ละจังหวัด คงกระจายตัวไดช้าจึงกระจายความเสี่ยงด้วยการให้สมาชิก
เปิดโมบาย เพื่อจะเป็นศูนย์ตาม เมืองต่างๆได้เร็ว
กลายเป็นว่าสมาชิกต้อหาร้าน เช่าตึก มาเปิดเป็นศูนย์ และยังต้องลงทุนเป็นแสน เอาของ
มาสต๊อก เพราะเปอร์เซ็นต์ได้จากการขายสินค้าได้
นอกจากนั้น สมาชิกส่วนมากยังต้องมานั่งเฝ้าศูนย์ของตัวเองอีก หรือไม่ก็จ้างคนมาเฝ้า เมื่อเกิดผลกระทบจากข้อ 3-4 ก็จะทำให้ยอดแจงสินค้าน้อยลงๆ ของก็จะสต๊อกก็กับตัวเอง เป็นแสนครับ คืนของก็ไม่ได้โมบายเหล่านี้ ก็จะย้ายไปทำตัวใหม่ แล้วเอาของเหล่านี้ไประบายตัดราคา ให้มันรู้แล้ว รู้รอดไปเลย
จาก 5 ข้อ ที่กล่าวมา ทำให้หมดเงินไปเท่าไหร่ครับ ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายลงทุนน้อยไง
ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องมีหน้าร้านไง ไหนว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องจ้างใครไง แล้วเมื่อไหร่จะมีอิสรภาพด้านเวลา
ผมขอสรุป สั้นๆ ว่า การที่องค์กรจะล่มสลายนั้นก็เพราะ
  - ไม่รักษายอด
  - ระดมทุน
  - สร้างความเสี่ยงให้กับสมาชิก
  - การขึ้นตำแหน่งง่ายเกินไป ทำให้ไม่มีการพัฒนาศักยภาพเท่าที่ควร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น